ตัดสินใจในการเลือกเนอสเซอรี่อย่างไร ให้ปลอดภัยและมีคุณภาพ
เชื่อได้ว่า เรื่องของการเลือกเนอสเซอรี่ หรือสถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนในปัจจุบันนั้น เป็นสิ่งที่หลายต่อหลายคนให้ความสนใจ และจำเป็นที่จะต้องใช้บริการเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าไม่สะดวกในการเลี้ยงลุกด้วยตนเอง เนื่องจากจะต้องทำงาน ไม่ได้เป็นแม่บ้านอย่างเดียว ครั้นจะส่งลูกไปอยู่กับพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย นั้นก็คิดถึงลูก อยากจะดูแลลูกด้วยตนเอง อยากที่จะฝากเลี้ยงลูกในเวลากลางวันนั้นเอง
แม่ๆหลายๆคนนั้น มีสิทธิ์ในการลาคลอด ไม่กี่วันบางคนก็ลาได้แค่เพียง 30 วัน 45 วันหรือ 60 วันแต่ไม่เกิน 90 วันด้วยกันทั้งหมด หากลาเกิน 90 วัน ก็อาจจะต้องถูกหักเงินเดือน หรือไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะว่าพ่อแม่ในสมัยนี้ จะต้องทำมาหากิน จะต้องทำงาน จะต้องมีภาระ ในการที่จะเลี้ยงดูครอบครัวด้วยกันเท่านั้น จึงเลี้ยงลูกเองไม่ได้ ดังนั้นทางเลือกคือจะต้องหาเนอสเซอรี่ หรือสถานที่รับเลี้ยงเด็กอ่อน ที่ดี ที่มีคุณภาพ และไม่เกิดปัญหาเด็กเล็กถูกทำร้ายร่างกาย เหมือนที่เราได้ยินข่าวคราวกันบ่อยครั้งนั่นเอง
ดังนั้นการที่เราจะส่งลูกเข้าไป ฝากเลี้ยงยังเนอสเซอรี่หรือ การรับฝากเลี้ยงเด็กอ่อนทั้งที จะต้องมั่นใจได้ว่าไม่มีปัญหา ในการรับฝากเลี้ยงตามมา วันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีการง่ายๆ ในการเลือกเนอสเซอรี่ที่ดีและเหมาะสม และคุณพ่อคุณแม่สามารถมั่นใจได้ว่า การนำไปฝากเลี้ยงในช่วงกลางวันนั้น ลูกน้อยจะปลอดภัยและช่วยเสริมสร้างพัฒนาการที่ดี ของลูกน้อยได้ หลักการในการพิจารณาก็ไม่ยุ่งยาก ตามมาดูกันดีกว่าว่ามีหลักการ ในการพิจารณาและเลือกเนอสเซอรี่ อย่างไรให้ดีและเหมาะสมกับเรามากที่สุด
1. มีความปลอดภัยทางด้านสถานที่ แน่นอนว่าเรื่องของความปลอดภัยนั้น เป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง หากใครก็ตามที่จะไปหาสถานที่ ในการรับเลี้ยงเด็กควรที่จะหาสถานที่ ที่มีความปลอดภัย มีความมั่นคง ไม่เสื่อมสภาพ มีที่จอดรถที่ห่างจากสนามเด็กเล่น บรรยากาศดี ไม่แออัด ระบบการถ่ายเทดี มีเครื่องฟอกอากาศ ถ้าจะให้ดีควรมีกล้องวงจรปิด เพื่อที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะได้คอยตรวจสอบ และดูแลได้ว่าลูกน้อยของเราเป็นอย่างไร สามารถลดความกังวลใจได้
2. มีจำนวนพี่เลี้ยงเด็กที่เพียงพอ แน่นอนว่าการเลือกเนอสเซอรี่ จะต้องคำนวณดูว่ามีบุคลากรหรือพี่เลี้ยงเด็ก ดูแลเด็กได้อย่างทั่วถึงหรือไม่ ซึ่งพี่เลี้ยงเด็กหนึ่งคนต้อง ดูแลเด็กไม่เกิน 3 คน ซึ่งถือว่าเหมาะสม อย่าลืมว่าหากเด็กมีจำนวนเยอะจนเกินไป จะเครียดเพราะว่าไม่สามารถ ที่จะดูแลได้อย่างทั่วถึงและจะทำให้เกิดปัญหา พี่เลี้ยงมีสุขภาพจิตที่ไม่ดี
3. สถานประกอบการนั้นได้รับอนุญาตหรือไม่ หากได้รับอนุญาตก็สามารถไว้วางใจในเบื้องต้นได้
4. ต้องตรวจสอบประวัติความเป็นมาของเนอสเซอรี่ ว่ามีประวัติในการเลี้ยงดูเด็กเป็นอย่างไร เชื่อถือได้หรือไม่ สอบถามจากคนที่เคยฝากเลี้ยงมาก่อน หรือหาข้อมูลใน Google ก่อนที่จะฝากเลี้ยงจะดีมากที่สุด
5. การดูแลสุขภาพอนามัยของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือ การเปลี่ยนผ้าอ้อม การล้างขวดนม การทำความสะอาดของเล่นเด็ก การดูแลสุขภาพพลานามัย ทุกอย่างล้วนแล้วแต่สำคัญเป็นอย่างมาก ที่จะต้องพิจารณา
5. มีการจัดเตรียมอาหารที่สุขลักษณะ มีความสะอาดมีอาหารที่ครบ 5 หมู่ เหมาะสมกับหลักโภชนาการ
6. มีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม แน่นอนว่าเรื่องของค่าใช้จ่ายนั้น เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่เลือกที่มีค่าใช้จ่ายต่ำมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา เพราะของถูกก็มีความเสี่ยงที่จะไม่ดีตามมาได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ให้ดูความเหมาะสม ของเศรษฐกิจของครอบครัวแต่ละครอบครัวด้วย
7. ทำเลที่ตั้ง แน่นอนว่าพยายามเน้นในการเลือก สถานที่รับเลี้ยงที่ใกล้ที่ทำงาน ของคุณพ่อคุณแม่มากที่สุด เมื่อเกิดปัญหาลูกป่วยหรือการไปรับไปส่ง จะได้ไม่ลำบาก
8. ดูโยบายของเนอสเซอรี่ ว่ามีนโยบายในการส่งเสริมเด็ก หรือดูแลเด็กเป็นอย่างไร หากดูนโยบายแล้วเหมาะสม ก็สามารถเลือกในการฝากเลี้ยงได้
นอกจากนั้นหลังจากพิจารณา และฝากเลี้ยงลูกแล้ว ขอให้คุณพ่อ คุณแม่ พยายามในการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของลูก ว่าเป็นอย่างไรหลังจากฝากเลี้ยง มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ควรสอบถามลูกว่าที่โรงเรียนเป็นแบบไหน มีปัญหาทุกปีหรือไม่ หรือรูปทำกิจกรรมใดๆบ้าง กรณีที่พูดได้ หรือว่าหากยังพูดไม่ได้ ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เป็นต้น
การประเมินหลังจากการฝากเลี้ยง ก็มีเหตุส่วนสำคัญที่จะทำให้เรา สามารถตัดสินใจในการฝากต่อ หรือเปลี่ยนสถานที่ใหม่ได้