รู้หรือไม่ว่าเราสามารถสร้างลูกให้ฉลาดได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
จริงๆแล้วเด็กที่อยู่ในครรภ์นั้นจะมีพัฒนาการทางด้านไอคิว ที่สำคัญเป็นอย่างมากหลายๆคนอาจจะทราบดีว่าเด็กที่อยู่ในครรภ์นั้น อาจจะได้รับเอฟเฟคจากคุณแม่ซึ่งเฟซพวกนั้นอาจจะมาจากความเครียด ภาวะลูกแทรกซ้อน หรือความเหนื่อย ที่ไม่ได้พักผ่อนจากการดูแล หรือการเหนื่อยจากการตั้งครรภ์ ทุกองค์ประกอบล้วนมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาการของเด็ก รวมไปถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยอย่างการเลือกกินอาหาร ก็มีส่วนต่อการพัฒนาการของเด็กอย่างสำคัญมาก วันนี้เราจะมาพูดถึงประเด็นหลักที่ช่วยให้เด็กพัฒนาการไอคิวได้สูงมากกว่าปกติทั่วไป
เสียงดนตรี
หลายๆคนอาจจะรู้ว่าเสียงดนตรีนั้นช่วยให้มนุษย์ได้ผ่อนคลายช่วยทำให้มนุษย์นั้นสามารถทำงานได้สะดวกง่ายขึ้นช่วยทำให้สมองนั้นผ่อนคลายขึ้นช่วยรีแลกซ์อาการเหนื่อยล้าต่างๆและยังเพื่อสมาธิให้อีกแล้วทำไมจะไม่ได้ผลกับเด็กที่อยู่ในครรภ์ล่ะ เสียงดนตรีนั้นจะช่วยเพิ่มไอคิวให้ลูกน้อยในครรภ์ได้ถ้าคุณแม่ขยับตามจังหวะเสียงเพลงนอกจากนี้จะได้ความสนุกสนานแล้วยังถือว่าเป็นการออกกำลังกายเบาๆไปในตัวอีกด้วย เสียงดนตรีนั้นมีประโยชน์มากมายวิธีการเต้นที่ดีที่สุดคือใช้มืออุ้มท้องเอาไว้เปิดเพลงเบาๆเต้นตามจังหวะร่าเริงไม่เร็วเกินไปโยกย้ายเพียงเล็กน้อยเหมือนกับการออกกำลังกายเบาๆทางได้รับความสนุกสนานและช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลาย และแน่นอนว่าเด็กในครรภ์นั้นก็จะผ่อนคลายตามคุณแม่ไปด้วยไม่เกิดภาวะเครียดทำให้เด็กนั้นถูกกระตุ้นการพัฒนาของสมองให้ตื่นตัว ที่สำคัญเพลงที่เป็นเพลงบรรเลงหรือเพลงคลาสสิกนั้นนอกจากจะทำให้คุณแม่อารมณ์ดีผ่อนคลายแล้ว รู้ไหมว่าเพลงพวกนี้ยังสามารถทำให้ลูกน้อยผ่อนคลายได้อีกด้วยเพราะเด็กเมื่ออายุ 20 สัปดาห์แล้วจะรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนและหากเปิดดนตรีให้ลูกน้อยฟังระหว่างตั้งครรภ์โดยใช้หูฟังอันใหญ่เปิดเสียงดังพอประมาณเลือกดนตรีคลาสสิกที่มีช่วงทำนองฟังสบายมันจะช่วยเพิ่มกระตุ้นไอคิวเสริมสร้างพัฒนาการของสมองให้ดีและเฉลียวฉลาด
เรื่องรับประทานอาหารที่เหมาะสม
ก็เหมือนที่เราพูดไปนั้นแล้วอาหารนั้นเป็นปัจจัยสำคัญเป็นองค์ประกอบที่มีส่วนต่อการพัฒนาของเด็กอย่างมาก ก็เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมนั้นจะช่วยในการพัฒนาการของเด็กและช่วยในความแข็งแรงของแม่ผู้ตั้งครรภ์ด้วย สมองของลูกน้อยในครรภ์มีองค์ประกอบเป็นไขมันโดยเฉพาะไขมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละหกสิบกดไขมันไม่อิ่มตัวที่ความสำคัญต่อการพัฒนาสมองของลูกน้อยในครรภ์คือกรดไขมัน DHA ที่เราพบเจอได้ตามโฆษณาต่างๆซึ่งจะมีมากในอาหารจำพวกปลาและสาหร่ายทะเล และอีกอย่างนึงก็คือ ARA ซึ่งมีมากในพวกน้ำมันพืชเช่นดอกคำฟอยเมล็ดทานตะวันและเมล็ดข้าวโพด การเลือกรับประทานอาหารดังกล่าวจะมีผลต่อการพัฒนาการของสมองของเด็กช่วยให้เด็กสร้างกล้ามเนื้อสมองให้มีคุณภาพดี